วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

OS Tong*Kaowoat First Kiss

-OS Tong*Kaowoat- 
[First Kiss]
*เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่มีจุดมุ่งหมายจะทำให้บุคคลได้รับความเสียหาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*





  -Kaowoat Talk-
    หงุดหงิด...
    นั่นคือความรู้สึกของผมหลังจากที่เห็นรูปในอินสตาแกรมของคุณไอดอลกล้ามโตที่รูปล่าสุดเป็นรูปถ่ายของเขากับรุ่นพี่นักฟุตบอลที่หน้าตาละม้ายคล้ายอัลปาก้าคนเดิมเพิ่มเติมคือความสัมพันธ์ที่พี่ตองเปิดอกคุยกับผมมาได้สักพักแล้วว่าเป็นแค่พี่น้องกัน ตอนแรกที่รู้ผมนี่แทบกระโดดขึ้นไปดีใจบนคานโกลเพราะผมน่ะแอบชอบพี่ตองมาตั้งนานแล้ว แต่ต้องแอ๊บทำเป็นว่าคิดกับเขาเป็นแค่ไอดอล แสดงว่าผมก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเป็นแฟนของคุณไอดอลอยู่สินะ แต่ผมคงต้องกลับไปคิดใหม่แล้วเมื่อเขาลงรูปที่มีพี่ตั้มอยู่ในนั้นรัวๆจนมันเป็นเหมือนปืนกลที่ลั่นใส่หัวใจดวงน้อยๆของผมจนพรุนไปหมด ไม่งั้นผมคงไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดเหมือนที่บอกไปตั้งแต่ต้นเรื่องหรอก ฮึ!!
    RRRRR~
    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบคว้ามันมาและกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทรเข้า ก็คุณมายไอดอลคนดีนั่นแหละครับ โทรมาได้ถูกเวลาจริงจริ๊งงงง แถมผมก็ดันดีใจที่เค้าโทรมาด้วยนะ แกนี่มันแรดจริงๆไอ้ข้าวโอ้ต!!
    "ฮัลโหล" เสียงนุ่มๆจากปลายสายทำเอาผมฟินจนแทบกัดลิ้นตัวเองตาย
    "ทำไมเหรอพี่ตอง?" แต่ผมก็ต้องตอบเสียงปลายสายนั้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฟอร์มอ่ะเข้าใจป่ะ
     "ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นวะ โดนใครแกล้งมารึไง?" พี่ตองถามกลั้วเสียงหัวเราะ
     "เปล่าฮะ" ผมตอบไปตามความจริง
     "ถ้าไม่ใช่ก็อย่าทำเสียงแบบนั้นดิ ไม่ดีใจที่พี่กลับมาเหรอ?"
     "ดีใจดิพี่" แต่ผมเจ็บมากกว่า...
     "เออๆ ฮ่าๆๆ เดี๋ยวพี่กำลังจะถึงสโมสรแล้วนะ ถ้าว่างก็ออกมารับหน่อย พี่ซื้อขนมมาฝากเยอะแยะเลย เดี๋ยวจะได้เอาไปแบ่งกันกิน"
     "ครับ รีบถึงเร็วๆนะ ผมคิดถึงพี่จะแย่อยู่แล้ว" ผมพูดออกไปตามที่ใจคิดหากแต่น้ำเสียงมันอ่อนแรงกว่าที่ควรจะเป็น ผมควรจะร่าเริงสิที่จะได้เจอพี่ตองแล้ว ไอดอลมึงจะกลับมาแล้วนะเว้ยไอ้ข้าวโอ้ต จะมีคนมาสอนมึงบินแล้วนะ...
    แล้วมึงจะร้องไห้ทำไมวะไอ้บ้า...
    ผมปาดน้ำใสๆที่เหมือนจะไหลออกมาจากดวงตาทิ้งไปก่อนจะเดินออกจากห้องพักของตัวเองเพื่อไปนั่งรอคุณไอดอลที่หน้าสโมสร จำไว้ไอ้ข้าวโอ้ต มึงเด็กกว่าพี่ตอง6ปี พี่ตองเขาคิดกับมึงแค่ลูกศิษย์ มึงมันเป็นแค่ลูกหมาที่แอบหลงรักเจ้านาย...
    แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นก็เถอะ
    ผมก็อยากจะเป็นคนที่พี่ตองรักอยู่ดีนั่นแหละ...

...

    -หน้าสโมสรเมืองทองยูไนเต็ด-
    ผมกำลังนั่งรอคุณมายไอดอลอยู่ที่หน้าสโมสรพร้อมคุณไอติมในถุงสีแดงที่เพิ่งเดินไปซื้อมาเมื่อสักครู่ อากาศข้างนอกวันนี้มันร้อนเกินกว่าที่เด็กบอบบางอย่างผมจะอดใจไหวที่จะไม่ไปซื้อไอติมราคา25บาทถ้วนมาสองโคนจากคุณลุงหน้าตาใจดีที่ขับรถไอติมผ่านมา เลือกอยู่นานเหมือนกันกว่าจะได้รสที่โดนใจจริงๆ แต่จริงๆมันก็น่ากินทุกรสน่ะแหละสำหรับผม
    เพราะผมน่ะชอบกินไอติมที่สุดในโลกเลย...
    "มาช้าจังเลย ไหนบอกใกล้ถึงแล้วไง" ผมบ่นอุบอิบพลางแกะถุงไอติมและหยิบคอนเนตโต้รสสตรอเบอร์รี่ออกมา ผมค่อยๆแกะกระดาษที่ห่ออยู่อย่างบรรจงจนไอศกรีมสีสันสดใสปรากฏสู่สายตาของผม จนผมต้องแอบกลืนน้ำลายเบาๆเมื่อคิดถึงตอนที่มันละลายในปาก มันคงจะมีความสุขไม่น้อย...
    เอาวะไอ้โอ้ต ถึงไอดอลมึงจะไม่สนใจ แต่อย่างน้อยมึงก็มีไอติมเป็นเพื่...
    กร้วมมมมม
    "พี่ตอง!! นี่มันไอติมผมนะ!!" ผมตวาดใส่หัวขโมยที่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแถมกัดโคนไอติมที่มีน้ำเชื่อมชอคโกแลตเยิ้มๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคอนเนตโต้ไปซะเหี้ยนอีก พี่ตองหัวเราะแบบสะใจก่อนจะยกลิ้นเลียริมฝีปากที่เปื้อนคราบชอคโกแลตและเศษวอฟเฟิลออกจนหมดพลางยักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ ผมทำแก้มป่องเหมือนที่ทำบ่อยๆเวลาไม่พอใจก่อนจะกัดเนื้อไอติมสีชมพูแดงๆไปหนึ่งคำ รสหวานอมเปรี้ยวทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่ง...
    "กินเสร็จแล้วก็มาช่วยพี่ยกของด้วยล่ะ" จนกระทั่งได้ยินคำสั่งจากคุณกวินทร์เขานั่นแหละ...
    "อะไรกัน! ทำไมผม..."
    "เป็นลูกศิษย์ต้องเชื่อฟังคุณครูสิครับ ถ้าดื้อเดี๋ยวไม่มีใครรักนะ" พี่ตองเอานิ้วชี้มาปิดปากผมพร้อมพูดประโยคเหมือนเวลาที่คุณครูคุยกับเด็กอนุบาลจนผมได้แต่แอบเบะปากในใจ พี่ตองขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ทิ้งถุงใส่ขนมต่างๆไว้เต็มไว้ข้างๆตัวผม ผมกลอกตาไปมา หันไปหยิบถุงใส่ขนมก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินออกไปจากบริเวณนั้น นี่คิดถูกหรือคิดผิดที่ยกให้คนแบบนี้เป็นไอดอลฟะ-_-

...

    -ห้องพักของตองและเธค-
    ผมวางถุงไอติมสีแดงไว้ในช่องแช่แข็งก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเตียงของพี่ตองอย่างเหนื่อยล้า อีกแปปหนึ่งก็จะถึงเวลาซ้อมแล้ว เดี๋ยวรอพี่ตองเข้าห้องน้ำเสร็จค่อยออกไปพร้อมกันก็ได้ ระหว่างที่ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายตาของผมก็ไปหยุดอยู่ตรงเสื้อผ้าที่วางไว้แถวๆเก้าอี้และโต๊ะตรงมุมหนึ่งของห้อง ดูจากไซต์มันคงเป็นของพี่ตองทั้งหมด มีชุดผู้รักษาประตู1ชุด ถุงมือ2คู่และสตัตอีก2คู่ผมลุกจากเตียงไปหาของที่วางไว้ หยิบๆจับๆถุงมือของพี่ตองและยกสตัตขึ้นมาดู สุดท้ายผมก็เลือกถุงมือและสตัตที่น่าจะเข้ากับพี่ตองได้ดีที่สุด(ผมเคยเห็นพี่เค้าใส่แล้วมันเข้าดี) แล้วผมก็หยิบชุดกับถุงมือมาวางไว้บนเตียงและสตัตวางไว้ข้างล่าง ส่วนถุงมือและสตัตที่เหลือผมก็เก็บใส่ตู้และเอาไปวางไว้ตรงประตูห้องในขณะที่ผมกำลังมองผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจอยู่นั้น อ้อมกอดของใครบางคนก็ดึงให้ผมละความสนใจจากสิ่งตรงหน้า เมื่อผมหันไปมองก็พบพี่ตองในสภาพ เอ่อ...
    ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวและปล่อยท่อนบนโล่งโจ้งไม่มีอะไรปกปิด-///-
    "พี่เล่นอะไรเนี่ย!" ผมเอ็ดไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจนี่เต้นรัวเหมือนจะระเบิด แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเพราะปล่อยมือข้างหนึ่งมาหยิกแก้มผมรัวๆจนช้ำไปหมด
    "หมั่นไส้ไอ้เด็กดื้อ วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลยอยากแกล้ง 555"
    "อ๊ะ พี่ตอง ไม่เอา ฮ่าๆๆๆ ต... ตรง น...นั้นมัน ฮะๆๆๆ จ...จั๊กจี๋" ผมเริ่มพูดไม่เป็นภาษาเมื่อพี่ตองเปลี่ยนมาจี้เอวผมรัวๆจนหายใจแทบไม่ทัน ผมเป็นโรคบ้าจี้ขนาดหนักเลยนะเนี่ย!
    "อย่าหนีนะมานี่!" พี่ตองว่าพลางรวบเอวผมก่อนจะยกตัวขึ้นจนขาผมไม่แตะพื้นแล้วลงไปนั่งบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและรัดแน่นจนผมหนีไปไหนไม่ได้ ผมหอบหายใจแรงๆพลางหันหน้าไปมองพี่ตองที่ส่งยิ้มกวนๆมาให้และหอบน้อยๆ
    ตึกตัก...
    ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นในความเงียบเมื่อใบหน้าของเราห่างกันไม่มากนัก จริงๆเราก็เล่นกันแบบนี้บ่อย แต่นั่นเล่นต่อหน้าคนอื่น ไม่ใช่อยู่กันสองคนแบบนี้...
     "พี่ตองเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวไปซ้อมกัน" ผมว่าพลางพยักเพยิดไปทางกองเสื้อผ้าที่ผมอุตส่าห์เตรียมไว้ให้คนตัวสูง อีกคนไม่ตอบอะไรแต่ปล่อยเอวผมให้เป็นอิสระและเดินไปหยิบชุดมาเปลี่ยน ผมหันไปมองในกระจกก็พบว่าตัวเองกำลังหันหลังให้อีกคนด้วยใบหน้าที่ซับสีชมพูอ่อนๆ ผมได้แต่ก้มหน้างุดไม่มองกระจกเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอใจเต้นแรงกับแผ่นหลังกำยำของอีกคนเหมือนทุกที หลายครั้งแล้วที่ผมได้เห็นแผ่นหลัง กล้ามท้องและอะไรหลายๆอย่างของคุณไอดอล แต่เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องที่ยากแก่การหลบหน้าแบบนี้มันทำให้ผมกลัวว่าถ้าเขาเห็นหน้าแดงๆของผมจะต้องซักไซ้ไล่ถามเอาคำตอบแหงๆ แล้วผมมันก็แค่เด็กขี้อายคนนึง จะให้ตอบไปว่าหน้าแดงเพราะซิกแพ็คพี่มันก็ดูจะด้านหน้าไปหน่อย เพราะฉะนั้นผมจะตัดมันออกไปจากความคิด!! ยุบหนอพองหนอ นั่นผู้ชายหนอ คิงคองหนอ ซิกแพ็คหนอ กล้ามหนอ ขนหน้าอกหนอ…
    อันหลังชักเลอะเทอะ พอแค่นี้ดีกว่า-.-;
    “แต่งตัวเสร็จแล้ว” เสียงของคนคนเดิมดึงให้ผมหันกลับไปมอง ผมยิ้มกว้างเมื่อพบว่าทั้งถุงมือและสตัตที่ผมเลือกให้เข้ากับอีกคนจริงๆ พี่ตองยิ้มบางๆก่อนจะเดินมาลูบหัวผมเบาๆและเดินไปเปิดประตูตู้เย็น ก่อนจะเจอถุงไอติมสีแดงที่ผมใส่ไว้ให้ เขาดูจะสนใจมันอยู่พอสมควรเลยหยิบออกมาและล้วงไปหยิบไอศกรีมคอนเนตโต้รสวานิลาที่อยู่ข้างในอีกที
    “เอ็งซื้อมาให้พี่เหรอ?” ถามพลางเอาคอนเนตโต้ชี้มาทางผม โห่ ซื้อมาให้พี่เธคมั้ง?
    “เข้าข้างตัวเองไปรึเปล่า?” ประชดไปซะเลยหมั่นไส้
    “แล้วจริงมั้ยละ?”
    “ก็จริง...”
    “ก็แค่นั้น” อีกคนยักไหล่พลางแกะกระดาษจนเหลือแต่ไอติมสีขาวน่ากิน พอแกะเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆผมก่อนจะยื่นไอศกรีมในมือมาให้
    “กินด้วยกันมั้ย?” คำถามที่ออกจากปากคนอายุมากกว่าทำให้ผมต้องหันหน้าไปขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ประโยคยืนยันและไอศกรีมที่ยื่นมาตรงหน้าก็ทำให้ผมมั่นใจขึ้น
    “ถือว่าไถ่โทษที่แย่งกินไปเมื่อกี้ไง” เมื่อพี่ตองยืนยันผมก็ไม่รอช้าเข้าไปกัดเนื้อไอศกรีมสีขาวด้านบนจนแหว่งไปนิดหน่อย แต่เสียงหัวเราะของพี่ตองก็ทำให้ผมต้องละสายตาจากไอติมขึ้นไปมองหน้าเขาอีกจนได้
    “พี่ขำอะไร?”
    “กินยังไงวะ ปากเลอะหมดแล้วเนี่ย” พี่ตองพูดยิ้มๆก่อนจะค่อยๆยกมือข้างที่ว่างมาจับคางของผมและค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และทุกอย่างก็เริ่มเป็นเหมือนภาพช้า…
    ใบหน้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆของพี่ตองทำให้สติของเด็กใจแตกอย่างผมขาดผึง ผมหลับตาปี๋เอามือไปคล้องคอพี่ตองแล้วโน้มคอเขาลงมาประกบปาก สัมผัสเพียงแผ่วเบาทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มๆเหมือนกำลังฝัน ไม่รู้ว่านานไหมที่ปากของเราสองคนแตะกัน แต่ผมรู้แค่ว่าสัมผัสเย็นๆของไอติมที่ละลายมาลงตรงต้นขาทำให้ผมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน
    พี่ตองทำหน้าตาตะลึงโดยที่มือยังคงถือไอติมที่เริ่มละลายแล้วค้างไว้อย่างนั้น เราจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
    “พี่ตอง! อยู่ข้างในรึเปล่า ใกล้ได้เวลาซ้อมแล้วนะ” ตามด้วยเสียงของเจ้าของห้องอีกคน ผมเลยเป็นฝ่ายผุดลุกขึ้นยืนเองก่อนจะก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่ตอนนี้คงเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนสตรอเบอร์รี่ที่กำลังสุกได้ที่
    “ผม… ผมขอโทษฮะพี่ตอง!!” พูดแค่นั้นผมก็เดินเร็วๆไปที่ประตูก่อนจะเปิดและวิ่งผ่านพี่เธคและพี่ต้าร์ออกมาโดยไม่คิดชีวิต ไม่คิดแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง พอมาไกลพอสมควรแล้วผมก็เอาหัวไปโขกกับกำแพงแถวๆนั้นหลายทีเพื่อหวังว่ามันจะลดความฟุ้งซ่านที่อยู่ในสมองของผมได้บ้าง แต่ไม่เลยครับ แถมเจ็บตัวฟรีอีกต่างหาก ผมนั่งลงกับพื้นก่อนจะขยี้หัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งเมื่อนึกถึงสัมผัสที่ริมฝีปากเมื่อครู่…
    ไอ้ข้าวโอ้ต!! ไอ้บ้า!! ไอ้ใจง่าย!! ทำไมไปจูบเค้างั้นวะ แล้วทีนี้จะมองหน้ากันติดมั้ยเนี่ย!!
    ผมก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะขยี้หัวหนักขึ้นไปเมื่อเห็นว่าเมื่อครู่ที่ริมฝีปากบนของพี่ตองมีคราบไอศกรีมรสวนิลาติดอยู่บางๆ และคาดว่ามันน่าจะมาจากปากของผม…
    แม่งโคตรน่าอายเลย!!
    เมื่อขยี้หัวตัวเองจนผมคงฟูเหมือนโดนไฟช็อตแล้วผมก็นั่งหอบน้อยๆอย่างเหนื่อยล้าเพราะเมื่อกี้วิ่งมาไกลมากประกอบกับความรู้สึกหลายๆอย่างที่ตีรวนไปหมด เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ผมก็ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองและเช็ดคราบไอศกรีมที่ติดอยู่ออกไป ผมไม่เคยจูบใครมาก่อน และจูบเมื่อกี้นับว่าเป็นจูบแรกของผมก็ว่าได้ แต่ทำไมแทนที่จะรู้สึกดีว่าเจ้าของจูบแรกนั้นเป็นคนที่ผมแอบชอบและแอบรักมาตลอด ผมกลับรู้สึกว่าจูบแรกของตัวเองนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย…
    อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเขาก็ได้…
    จากนั้นก็ถึงเวลาที่โค้ชเรียกซ้อมพอดี ผมพยายามมากๆที่จะไม่มองหน้าและอยู่ใกล้อีกคน เพราะตอนนี้ผมคงไม่มีค่ามากพอที่จะอยู่ใกล้เขาได้ แม้เขาจะเป็นเจ้าของจูบแรกของผมก็ตาม แต่มันคงเป็นจูบที่ไม่น่าจดจำมากที่สุดทั้งสำหรับผมและเขา…
    นั่นสินะ…
    จูบจากคนที่เราไม่ได้รักเขา และจูบจากคนที่เขาไม่ได้รักเรามันจะไปมีความหมายอะไร...
    -End Kaowoat Talk-

    ...
    
    -Tong Talk-
    “พี่ตองเป็นอะไร ทำไมวันนี้ดูเหม่อๆ” เสียงของไอ้เธคปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ขณะที่เรากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่
    “จะเรื่องอะไรเล๊าาา ก็อัลปาก้าที่อยู่เทโรไงงง”
    “ไอ้ต้าร์ ถ้ามึงยังอยากมีปากไว้จูบไอ้เธคอยู่ก็เงียบๆไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงดุๆจนไอ้ต้าร์ต้องหุบปากทันที แต่มันก็ยังไม่วายหันไปอ้อนไอ้เธค
    “เตงดูดิ พี่ตองดุเค้าอ่าาา”
    “โอ๋ๆ นิ่งเตะนะนิ่งเตะ”ไอ้เธคลูบหัวไอ้ต้าร์ที่ซบอยู่กับไหล่จนผมและคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นต่างพากันทำท่าเหมือนจะอาเจียนซะให้ได้ แต่ไอ้คู่รักชวนอ้วกมันก็ไม่ได้สำเหนียกยังคงสวีทกันต่อไป และไม่ได้มีแค่คู่นี้นะครับ ยังมีไอ้ตังที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์เพราะกำลังเล่นไลน์กับผ… เอ๊ย!! แฟนอย่างไอ้ก้อง ส่วนพี่มุ้ยก็เดินแยกออกไปคุยโทรศัพท์กับไอ้อุ้ม ไอ้นิวก็กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไอ้แบ็ค แต่ละคนแต่ละคู่นี่ยิ้มกันปากจะฉีกถึงท้ายทอยอยู่ละ
    หมั่นไส้!!
   หลายๆคนอาจจะสงสัยเรื่องที่ไอ้เธคถามผม ใช่ครับ วันนี้ผมยอมรับเลยว่าผมเหม่อจริงๆ แต่ไม่ได้เหม่อเรื่องคนที่อยู่เทโรนะ ผมเหม่อถึงไอ้เด็กหัดบินบางคนที่ตอนนี้มันหลบไปอยู่อีกมุมห้อง เพราะตั้งแต่มัน เอ่อ... ขโมยจุ๊บปากผมไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมันก็วิ่งหนีออกไปจากห้องแล้วก็หลบหน้าผมตลอด ทิ้งให้ผมต้องอยู่กับความงงและความเป็นห่วงไอ้ลูกศิษย์ที่ปกติจะคอยเดินตามผมต้อยๆ จนตอนนี้ผมจะบ้าตายอยู่แล้วมันก็ไม่ยอมมาหาผมซักที
    คิดสิวะไอ้ตอง!! ต้องทำยังไง!!
    "อ้าวข้าวโอ้ต! จะไปไหนอ่ะ?" ทันทีที่ชื่อของไอ้แสบออกจากปากของไอ้ฟลุ๊ค ผมก็หันกลับไปมองแทบจะทันที และโชคดีที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่สังเกตผมเลยตอบไอ้ฟลุ๊คไปอย่างไม่กลัวว่าผมจะได้ยิน
    "ไปหาพวกพี่โก้ที่สระฝ่ายน้ำอ่ะพี่ฟลุ๊ค ผมอยากเล่นน้ำสักหน่อย" ว่าจบมันก็เดินออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วผมก็รู้สึกเหมือนคิดอะไรบางอย่างออกเลยเปลี่ยนจากชุดที่จะใส่กลับห้องพักเป็นกางเกงบอลตัวเดียวแทน
    "พี่ตองจะไปไหนอ่ะ?" เสียงของไอ้ฮาฟที่ถามทำให้ผมชะลอฝีเท้าที่จะเดินออกไปจากห้องแต่งตัวเพื่อหันกลับไปตอบมัน...
    แต่กลายเป็นว่าคำตอบของผมกลับดึงให้ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
    "ไปสระว่ายน้ำ ไปตามแฟน"
    "ห๊ะ!!?"

    ...

    ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ข้างหลังไอ้ตัวแสบจนได้ครับ
    ตอนนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่อยู่แถวนี้ เพราะเมื่อกี้ตอนเดินมาผมเดินสวนกับพวกพี่โก้แต่ไม่เห็นข้าวโอ้ต เมื่อถามดูก็ได้ความว่าไอ้เด็กนั่นหนีมานั่งห้อยขาเตะน้ำเล่นอยู่คนเดียวตรงริมสระแบบนี้ เหมือนลูกหมาโดนทิ้งยังไงยังงั้น จริงๆผมว่าคนที่ควรจะโดนถามว่าทำไมวันนี้เหม่อลอยควรจะเป็นลูกหมาตัวนี้มากกว่านะไม่ใช่ผม ดูซิ ขนาดผมเข้ามาใกล้ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย
    "เตี้ย" ผมนั่งลงข้างๆก่อนจะหันหน้าไปเรียกมัน ได้ผลนะ ข้าวโอ้ตหันมามองด้วยแววตาเคืองๆแล้วสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าเป็นผม

    "พี่มาหาผมทำไม?" ถามจบแล้วไอ้เด็กหัดบินก็กระเถิบหนีผมไป...
    "แล้วเอ็งหนีพี่ทำไม?" ถามเสร็จผมก็กระเถิบตาม
    "พี่ไม่อยากอยู่ใกล้ผมไม่ใช่เหรอ?" ถามจบมันก็กระเถิบหนีอีก
    "พี่เคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ?" ผมก็กระเถิบตามอีก
    "ก็ผมจ..." มันหันมาพูดกับผมก่อนจะกลืนคำสุดท้ายลงคอไปแล้วก้มหน้างุดเตรียมกระเถิบหนี แต่ผมไวกว่าไง กระเถิบไปใกล้มันแล้วเอามือซ้ายตัวเองไปทาบมือซ้ายมันซะ เลยกลายเป็นว่าไหล่ซ้ายผมกลายเป็นหมอนหนุนหลังข้าวโอ้ตไปซะแล้ว
   "จูบพี่?"
   "พี่ตอง!!" พอผมเติมคำที่หายไปมันก็หันมาตวาดผมทันทีครับ จ้องตาเขม็งเหมือนไม่พอใจ แต่พอเห็นว่าผมไม่ได้สะทกสะท้านอะไรมันก็ทำแก้มป่องหันหน้าหนีผมเหมือนเดิม ไอ้เด็กนี่ขี้งอนกว่าที่คิดเว้ย
    "นั่นน่ะเค้าไม่เรียกจูบหรอก..." ผมกระชับมือข้างที่ทับมือข้าวโอ้ตไว้ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่า ข้าวโอ้ตหันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าสงสัยแต่ยังแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่นิดๆ ก่อนจะโดนผมเชยคางให้ขึ้นมาสบตา...
    "จูบน่ะ มันต้องแบบนี้..."
    "อื๊อ!!" เด็กน้อยร้องในลำคอเมื่อผมประกบปากพร้อมพะเน้าพะนอด้วยการดูดปากเล็กๆสีชมพูอ่อนอย่างรักใคร่ มือข้างที่ทับมือของอีกคนอยู่ผมก็เปลี่ยนมาโอบหลังให้คนตัวเล็กเข้าหาผมมากยิ่งขึ้น
    "อ้าปากให้พี่หน่อยนะคนดี..." ผมกระซิบข้างใบหูน้อยเมื่อน้องไม่ยอมเปิดปากให้ผมเข้าไปสักที เราสบตากันอีกครั้งและผมก็จู่โจมอีกรอบเมื่อข้าวโอ้ตเผยอปากนิดๆ ผมส่งลิ้นเข้าไปควานภายในโพรงปากนุ่ม
    หวาน...
    มือซ้ายที่ว่างของข้าวโอ้ตก็มาจับมือขวาของผมและบีบแน่น ส่วนอีกข้างก็เอื้อมไปกำกางเกงของผม มือเล็กทั้งสองสั่นน้อยๆคงเพราะเป็นจูบแรก แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่เพราะกำลังไล่ลิ้นเล็กจอมซุกซนที่หนีผมอยู่ และสุดท้ายผมก็จับได้ ผมค่อยๆเล้าโลมที่ปลายลิ้นเล็กและไล้วนไปรอบๆลิ้นของน้อง มือทั้งสองข้างของเด็กน้อยบีบแน่นจนผมต้องลูบมือข้างที่โดนหนุ่มน้อยหัดบินจับไว้เผื่อให้เด็กมันคลายความเกร็งลง ผมสอนบทเรียนเรื่องจูบที่ถูกต้องให้กับลูกศิษย์ผู้น่ารักอยู่นาน จนเมื่อมือที่กำกางเกงอยู่เปลี่ยนเป็นมาตีที่หน้าอกผมจึงค่อยๆถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่งเสียดาย
    "แฮ่กๆ" ไอ้ตัวเล็กช้อนดวงตาปรือขึ้นมองผมพร้อมเผยอปากเพื่อกอบโกยอากาศเข้าไปให้ได้มากที่สุด มือทั้งสองข้างวางอยู่บนหน้าขาของผม ผมมองภาพนั้นด้วยแววตากรุ้มกริ่มพลางหอบนิดๆ ไม่นึกเลยว่าจูบแรกของเด็กอายุ19จะขนาดนี้...
    มันไร้เดียงสาและแฝงไปด้วยความร้อนแรงเล็กๆ...
    ตูม!!
    ผมหงายหลังลงไปในสระทันทีเมื่อมือน้อยของคนตัวเล็กออกฤทธิ์ และคงเพราะหัวกระแทกน้ำเลยทำให้ผมมึนนิดหน่อย พอตั้งสติได้เลยค่อยทะลึ่งตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ ก็พบเจ้าของฝ่ามืออรหันต์นั่งทำแก้มแดงแก้มป่องอยู่บนขอบสระ
    "พี่มันฉวยโอกาส!!" ว่าจบก็ใช้เท้าตีน้ำเล่นแก้เขิน เออ ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้วะเนี่ย ผมน่าจะลองจีบไอ้เด็กนี่มาตั้งนานแล้ว
    หรือผมชอบมันมาตั้งนานแต่ไม่กล้ายอมรับความจริงกันนะ?
    เอาเหอะ จะยังไงก็ช่างละกัน ผมค่อยๆว่ายน้ำไปหาคนที่นั่งเตะน้ำเล่นก่อนจะจับขามันให้อยู่นิ่งๆแล้ววางแขนทับลงไปบนขาของไอ้เด็กหัดบิน มันตั้งท่าจะลุกหนีแต่ผมก็เอาคางมาเกยท่อนแขนตัวเองแล้วจ้องหน้ามันยิ้มๆ
    อย่าได้คิดที่จะหนีเชียว
    "ผิดตรงไหน ฉวยโอกาสกับแฟนเนี่ย หืม?"
    "ย...อย่ามามั่วนะพี่ตอง ใครแฟนพี่อ่ะ!" มันพูดพร้อมพยายามแกะแขนผมออกด้วยท่าทีเขินๆ ไม่เคยเห็นเด็กขี้อ้อนอย่างข้าวโอ้ตเป็นอย่างนี้เลยนะเนี่ย
    "คนที่โดนพี่จูบเมื่อกี้ไง" ผมว่าพลางจับมือเล็กที่พยายามแกะแขนผมออกมาจุมพิตเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไอ้ตัวเล็กมันก็ทำแก้มป่อง คงทั้งไม่พอใจทั้งเขิน
    "โมเมเองทั้งเพ"
    "โมเมอะไร ก็โดนจูบจริงมั้ยล่ะ จูบแรกด้วย..."
    "บ้า!!!" มือข้างที่ว่างของคนตัวเล็กเลื่อนลงมาตีไหล่ผมเบาๆไปหนึ่งที อะไรเล่า ก็ผมพูดความจริงอ่ะ!!
    "พี่ผิดมั้ยเนี่ยขโมยจูบแรกเราไป?" ผมว่าพลางลูบมือเล็กเบาๆอย่างรักใคร่ มือมันเล็กแล้วก็นุ่มมากๆ เหมือนมือผู้หญิงเลย
    "ผิดดิ ผิดมากด้วย" มันว่าพลางดึงมือกลับแล้วเลื่อนมาจับหน้าผมให้เงยขึ้นไปมองมัน ดวงตาคู่นั้นจ้องผมอย่างเอาเรื่อง
    "เพราะฉะนั้นพี่ต้องรับผิดชอบผม เข้าใจมั้ย!?"
    "เออ แต่เอ็งก็ต้องรับผิดชอบพี่เหมือนกันนั่นแหละ" ผมว่าพลางลูบมือที่จับอยู่บนใบหน้าของผมเบาๆ อีกฝ่ายทำหน้างง
    "ร...รับผิดชอบอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ"
     "แล้วที่จูบพี่ในห้องนอนตอนนั้นล่ะ หืม?"
    "ไหนบอกว่านั่นไม่เรียกจูบ..." พยายามหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาเถียง แต่ข้ออ้างของคุณมันต่างชั้นกับความหน้าหนาของผมเป็นปีแสงครับคุณข้าวโอ้ต
    "ไม่รู้ละ พี่ก็เสียหายเหมือนกัน แกต้องรับผิดชอบด้วยการเป็นแฟนพี่ ต้องรักพี่คนเดียวด้วย" ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคนด้านบน เด็กน้อยเบะปากขัดใจก่อนจะเอามือมาดันนิ้วผมลง
    "ตัวเองก็บอกแล้วแท้ๆว่าคนโดนจูบเป็นแฟน..." แล้วมันก็เอามือผมไปจับพร้อมบีบเบาๆ
    "งั้นในเมื่อเราเป็นแฟนกันแล้ว ถ้าพี่ไปจูบใครอีกผมเอาตายแน่"
    "อูววว น่ากลัว" ผมว่าพลางหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มคอคนที่นั่งอยู่บนขอบสระให้ลงมาในน้ำด้วยกัน ผมมองดูลูกหมาตกน้ำที่พอขึ้นมาก็จ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง แต่ดวงตาแข็งก็เปลี่ยนเป็นอึ้งเล็กๆเมื่อผมรวบเอวบางมาชิดและใช้มือข้างหนึ่งลูบไปมาที่ศีรษะด้านหลังของอีกคน
     "แต่แคงไม่ได้ทำอะไรพี่แน่นอน เพราะต่อไปนี้พี่จะจูบแกแค่คนเดียว ไอ้ลูกหมาตัวนี้จะเป็นจูบสุดท้ายของพี่ เข้าใจไหม?"
    "เข้าใจครับ แต่พี่บอกว่าคนที่พี่จูบคือแฟนพี่ใช่ป่ะ"
    "อืม ใช่"
    "งั้นช่วยจูบผมอีกทีได้มั้ย ยืนยันหน่อยนะว่าผมไม่ได้ฝันไป นะครับ..." ผมอึ้งกับคำขอของคนตรงหน้า ข้าวโอ้ตนี่ก็ยังเป็นข้าวโอ้ตได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ...
    แต่นี่แหละที่ผมชอบ :)
    "ได้สิ..." ว่าจบผมก็ช้อนก้นอีกคนขึ้นมา ข้าวโอ้ตใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคอผมแล้วขาก็เกี่ยวเอวผมไว้แน่นคงเพราะกลัวตก ผมยิ้มขำให้คนในอ้อมแขนก่อนจะถูกอีกคนโน้มตัวลงมาจูบ ก็เหมือนเมื่อกี้ มันไม่ใช่จูบที่วาบหวามแต่มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากๆ เพราะมันเป็นจูบที่มาจากความรักที่บริสุทธิ์ของน้อง และนั่นคือสิ่งที่ผมตามหามาตลอด...
    ทำไมผมถึงไม่สังเกตตั้งแต่แรกก็ไม่รู้เนอะ?

    ...

    "มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย~"
    "ริงโทนใครวะ!? โคตรขัดหูเลย!!" ผมตวาดลั่นห้องแต่งตัวในณะที่กำลังเช็ดผมให้คุณแฟนที่น่ารัก
    "ริงโทนกูเอง แหมๆๆๆ อิจฉาจริงจริ๊งพวกข้าวใหม่ปลามันเนี่ย" เป็นพี่โก้ฮาร์ดแมนอาวุโสของทีมนั่นเองที่เดินมากดปิดมือถือพร้อมทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ผม
    "ตอนแรกก็นึกว่ากวินทร์จะบินคว้าอัลปาก้า ที่ไหนได้บินคว้าลูกหมานี่เอง" ไอ้โจ๋กระทุ้งศอกใส่ด้านหลังของผมก่อนจะตามด้วยเสียงโห่ฮิ้วของสมาชิกร่วมสโมสร รู้สึกว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมเดินจูงมือไอ้ตัวเล็กเข้ามาที่ห้องแล้วนะ
    ทำไมวะ!! กูจะมีเมียเด็กมันผิดไง๊!!? ผมท่องนะโมตัสสะในใจเป็นรอบที่ร้อยเพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้สติแตกเพราะอาจจะทำให้หนุ่มน้อยตรงหน้าเสียขวัญได้
    "พี่ตองหยุดเช็ดเถอะฮะ ผมแห้งแล้วละ..." ข้าวโอ้ตว่าพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับแขนผม
    "ไม่ได้ดิ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก" พี่รู้ว่าเอ็งอาย แต่ถ้าแฟนไม่สบายผมคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ
    "นิวววว หยุดเช็ดได้แล้ววว ผมแห้งแล้วววว"
    "ไม่ได้นะพี่แบ็คคค เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกกก"
    "ฮิ้ววววว" นั่นไงครับ ผมนึกแล้วว่ามันต้องมีคนลอกประโยคไคลแม็กซ์ของผมกับน้องไป
    นักบอลเมืองทองนี่นิสัยดีทุกคนเลยเนอะ...
    "ไปดีกว่าพวกเรา ปล่อยคู่รักคู่ใหม่ให้เค้าอยู่กันสองคนดีกว่า" ไอ้ฮาฟว่าพลางเดินจูงมืออาโอยามะออกไปโดยที่เคลตันและคิมดองจินเดินตาม เมื่อทุกคนเห็นแบบนั้นก็เดินออกไปทีละคนสองคน
    "เควิน" อีกฉายาของผมที่ออกจากปากคุณพ่อจอมทะเล้นอย่างมาริโอทำให้ผมต้องหันไปมอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำปากเป็นคำภาษาอังกฤษที่แปลเป็นไทยได้ว่า
    'อย่ารุนแรงกับเด็กนะ'
    ไอ้หรั่ง!!
    ผมชี้นิ้วคาดโทษบุคคลคนสุดท้ายที่ปิดประตูจากไปจนตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับคนตรงหน้าแค่2คนเท่านั้น เมื่อผมมั่นใจแล้วว่าผมของข้าวโอ้ตแห้งสนิทจึงละมือออกจากผ้าขนหนูบนหัวเด็กน้อยแล้วเดินไปหยิบเสื้อของตัวเองมา ก่อนจะยื่นให้อีกคนเอาไปใส่
    "ชุดนอนอ่ะใส่สบายๆก็พอ" มันพยักหน้าเมื่อผมพูดจบก่อนจะเอาเสื้อของผมไปสวม เสื้อของผมตัวใหญ่มากพอที่จะคลุมต้นขามันได้มิด ดีว่ามันใส่กางเกงตัวเองไม่งั้นคงโป๊น่าดู แต่ก็อย่างว่าละ เสื้อตัวใหญ่กับคนตัวเล็กนี่มันเข้ากันจริงๆนะ...
    โดยเฉพาะเสื้อของผมกับแฟนของผม...
    "เดี๋ยวพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนึงนะ นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ" ผมกดไหล่ให้ข้าวโอ้ตนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ความเงียบเข้าคลุมห้องเมื่อผมหันหลังให้มันและไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไรออกมา...
    หมับ!
    แต่จู่ๆแขนเล็กที่โอบรอบเอวผมจากด้านหลังก็ทำให้ผมที่กำลังจะสวมเสื้อต้องชะงักเบาๆ หันไปก็พบคนตัวเล็กที่ซบหน้าลงกับไหล่ แต่ก็รู้อยู่หรอกว่ามันกำลังยิ้มอยู่...
    "ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่รักผม..." มันว่าพลางสวมกอดผมแน่นขึ้น ผมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยด้านหลัง
    "เหมือนฝันเลย..."
    "มันไม่ใช่ความฝันแล้วนะตัวเล็ก..." ผมว่าพลางหมุนตัวกลับมามองหน้าอีกคนชัดๆ
    "มันคือความจริง"
    "พี่รู้มั้ยว่าตลอดเวลาที่ผมคิดถึงพี่ ผมนึกถึงเพลงนี้ตลอดเลย" ข้าวโอ้ตพูดพลางกุมมือผมเบาๆ
    "เพลงอะไรอ่ะ ร้องให้ฟังหน่อยสิ" ร่างเล็กยิ้มให้กับคำขอของผมก่อนที่เราจะสบตากัน คนตรงหน้าผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะร้องเพลงนั้นออกมา...
    
    "ในวันที่โลกมันเงียบเหงา แค่มีเธอเดินเข้ามา...
อะไรที่ดูเฉยชา ก็ดูเหมือนว่า จะหายไป..."

    ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ก็เห็นวันแรกที่ข้าวโอ้ตสามารถผ่านการคัดเลือกเข้ามาเป็นนักเตะในสโมสร วันแรกที่เราเจอกัน ได้ซ้อมด้วยกัน มันทำให้ผมรู้ว่าเขามีความสุขมากๆกับการที่ได้อยู่ใกล้ผม...

    "อยากทำอะไรให้เธอรู้ เเต่ทำได้เพียงหายใจ...
มีคนชอบเธอมากมาย ได้เเต่เก็บไว้ปลื้มคนเดียว..."

    ดวงตาคู่นั้นบอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคอยมองผมด้วยความรักและความชื่นชมมาตลอด ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยมองเห็นและมีคนมากมายเข้ามาก็ตาม แต่เด็กคนนี้ก็คอยมองผมด้วยสายตาแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย...

    "ใกล้เเค่ไหน เธอก็ไกลเกินไปทุกที...
เลยทำได้เเค่นั้น เก็บเธออยู่ตรงนี้ละกัน...

   อยากบอกว่าฉันเเอบไปคิดกับเธอบ่อยๆ
ฉันอาจจะเเอบรักเธอหน่อยๆ
เก็บไปฝัน ไม่ใช่น้อย เธอก็คงไม่ว่า
 ก็เพราะฉันอาจจะฝันมากไปนิดๆ
ฝันว่าได้เป็นคนนั้น อยากตื่นมาได้เป็นคนสำคัญ
เป็นคนนั้นของเธอ..."

    ข้าวโอ้ตร้องจบก็ยิ้มกว้างให้ผม เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นของเด็กน้อยถูกส่งออกมาจากสายตาคู่นั้น ภาพที่เขาแอบมองผม ยิ้มให้ผม เดินตามผม ภาพที่เราพูดคุยกัน สัญญาว่าจะคิดถึงกัน อะไรหลายๆอย่างที่มันเป็นความทรงจำดีๆก่อนหน้านี้ได้ถูกถ่ายทอดออกมาจนหมด ผมยิ้มตอบรับรอยยิ้มนั้นก่อนจะลูบหัวคนตัวเล็กกว่า อีกคนถอนหายใจอย่างเป็นสุขและพูดบางอย่างออกมา
    “ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะได้กลายเป็นคนนั้นของพี่จริงๆ พี่ตองที่ผมรักและฝันถึงทุกคืน ตอนนี้ผมได้เป็นคนสำคัญของพี่แล้ว...”
    “ใช่ และจะเป็นตลอดไปด้วย...” ผมพูดเสริมก่อนจะจุมพิตไปที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นอย่างอ่อนโยน ข้าวโอ้ตหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่ผมมอบให้อย่างไม่ประสา ผมแอบฉกหอมแก้มนุ่มๆนั่นไปหนึ่งทีอย่างเอ็นดูก่อนจะกลับไปแต่งตัวให้เสร็จแล้วเราก็ออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยกัน ระหว่างทางกลับห้องพักผมก็แบกข้าวโอ้ตขึ้นหลังและมีคางของเด็กน้อยเกยอยู่บนไหล่ ดีว่าตอนนี้ทุกคนเข้าห้องหมดแล้วเลยไม่มีใครมาเห็นข้าวโอ้ตในสภาพแบบนี้…
    ผมอาจจะขี้หวงไปหน่อย แต่ผมก็รักของผมอ่ะ
    “พี่รู้ป่ะว่าตอนพี่ต้าร์แซวพี่เรื่องพี่ตั้มผมโคตรเจ็บเลย” มันพูดเสียงขุ่นๆพลางทำหน้าบูด ผมหัวเราะหึๆในลำคอ
    “หึงเหรอ?”
    “ใช่ หึง” มันว่าพลางโอบรอบคอผมแถมเอาขาเกี่ยวเอวไว้แน่น ผมละอยากจะเขกหัวทุยๆนั่นสักที แล้วทีมันไปเล่นกับคนอื่นล่ะ
    “เอาน่า ตอนนี้ก็เป็นแค่พี่น้องกันแล้ว” ผมพูดปลอบใจคนบนหลัง ผมไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้วที่ต้องย้ำคำว่าพี่น้องซึ่งแทนความสัมพันธ์ของผมกับตั้มให้ใครต่อใครต้องฟัง ตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจมากกว่าที่เห็นมันยิ้ม
    “ว่าแต่ทีแกไปเล่นกับคนอื่นอ่ะ” ผมพูดไปตามที่ใจคิดตอนแรก
    “ก็ตอนนั้นพี่ยังไม่ชอบผมไม่ใช่เหรอ” มันว่าพลางทำหน้ามุ่ยแต่น่ารักไปอีกเท่าตัว น่ารักจนน่าจับฟัด แต่ผมต้องใจเย็นๆเพราะข้าวโอ้ตยังเด็กอยู่ เดี๋ยวจะโดนข้อหาผู้ใหญ่รังแกเด็กอีก
    “ไม่เคยคิดจะเข้าข้างตัวเองหน่อยรึไง?”
    “ผมไม่กล้าขนาดนั้นหรอกนะ” คนตัวเล็กว่าพลางถอนหายใจ
    “แต่เอาเหอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปละกัน ตอนนี้เรารักกันก็พอแล้วเนอะ” พูดจบแล้วมันก็มาหอมแก้มผมแทน นี่สิข้าวโอ้ต เด็กน้อยร่าเริง ขี้อ้อนและใสซื่อของผม…
    
    …

    วันนี้ไอ้เธคไปนอนกับไอ้ต้าร์แฟนมัน ตามปกติผมต้องนอนหว่าเว้คนเดียวอยู่บนเตียงโดยที่เตียงของไอ้หัวหยองจะว่างเปล่า วันนี้ก็ว่างเปล่าครับ แต่ไม่ปกติตรงที่ว่าเตียงผมมีลูกหมาตัวน้อยมานอนด้วย ผมเดินไปเปิดไฟที่หัวเตียงและวางข้าวโอ้ตลงบนเตียงอีกฝั่งอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเตียง
    “ฝันดีนะ” ผมว่าก่อนจะดับไฟ ล้มตัวลงนอนและห่มผ้าคลุมตัวเราทั้งสองคน วันนี้ผมเร่งแอร์ให้เย็นตามประสาคนขี้ร้อน แต่เหมือนรูมเมทตัวเล็กจะหนาว ร่างเล็กจึงค่อยๆขยับมานอนบนแขนของผมโดยที่ผมก็วางแขนข้างที่ว่างประคองตัวอีกคนให้เข้ามารับความอบอุ่นจากผมมากขึ้น
    “ฝันดีเหมือนกันฮะ” ข้าวโอ้ตว่าก่อนจะดันตัวขึ้นจุ๊บริมฝีปากล่างของผมเบาๆ
    “ผมรักพี่นะ พี่ตองของผม”
    “พี่ก็รักข้าวโอ้ตนะ รักกว่าที่เคยรักใครคนไหนมา...” ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้นเช่นเดียวกับอีกฝ่าย ก่อนจะกระซิบคำหวานที่ข้างหูของคนตัวเล็ก
    “รักที่สุดเลยรู้มั้ย… เด็กดี” แล้วผมกับ‘เด็กดี’ของผมก็หลับตาลงและนอนไปพร้อมๆกัน มันไม่ใช่ความฝันอกต่อไปที่ผมจะพบคนที่รักผมและผมก็รักเขา…
    ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปที่ข้าวโอ้ตได้มาเป็นคนสำคัญของผม…
    และไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปที่เราจะอยู่ด้วยกันและรักกันแบบนี้
    
    ‘ตลอดไป…’




  -The End-




 
    [ช่วง ไรท์เตอร์ขี้ฝอย]

//จบไปแล้วค่าสำหรับOSแก้บนของไรท์ ถึงจะแต่งไว้แก้บนแต่ไรท์เชียร์คู่นี้จริงๆนะ ก็มันน่าร๊ากกกกกก(ก.ไก่อีกสามร้อยแปดสิบห้าล้านตัว)นี่คะ>.< เด็กน้อยของพี่ตองงี้ หมาน้อยของพี่ตองงี้ เง้อออ ละลายTwT ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ ยังไงๆไรท์ก็ขอฝากติดตามผลงานของไรท์ทั้งในBloggerและเด็กดี http://writer.dek-d.com/skyscrapers/  ด้วยนะคะ ขอบคุณค่าาา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น